วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข่าวเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

อินเทลปล่อยเซนทริโน 2 ลงตลาด + ดันยอดกลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก/ชูฟังก์ชันเด่นที่เทคโนโลยีไร้สายไวแม็กซ์
อินเทลได้ฤกษ์เปิดตัวชิปเซนทริโน 2 เวอร์ชันล่าสุดสำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ชูคุณสมบัติเด่นด้านการสื่อสารไร้สายเชื่อมต่อเทคโนโลยีไวแม็กซ์ควบไว-ไฟ ตีตื้นเอเอ็มดีคู่แข่งที่เผยชิปโน้ตบุ๊กออกมาก่อนหน้า ไอดีซี ประเมินตลาดโน้ตบุ๊กไม่เกินปีหน้าแซงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

นายชมูเอล เอเดน รองประธานและผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจแพลตฟอร์มไร้สายของบริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่นฯ เผยการทำตลาดชิปเวอร์ชันใหม่ในตระกูลเซนทริโน หรือเซนทริโน 2 ซึ่งมีโค้ดเนมเดิมว่ามอนเตวีนา หลังเลื่อนเปิดตัวมา 2-3 เดือน โดยชิปประมวลผลดังกล่าวผนวกการทำงานไว้หลายระบบเจาะตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก มีทางเลือกถึง 5 รุ่นพัฒนาบนพื้นฐานหน่วยประมวลผลแบบคอร์ทูดูโอ ที่มีความเร็วในการประมวลผลตั้งแต่ 2.26-3.06 กิกะเฮิรตซ์ ไม่เพียงคุณภาพการประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นแต่ยังขยายอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ต่อครั้งได้นานขึ้นด้วย

ตัวอย่างหน่วยประมวลผล 3 ใน 5 รุ่น ที่ใช้ไฟเพียง 25 วัตต์ เทียบกับหน่วยประมวลผลในรุ่นก่อนๆ ที่ใช้ไฟถึง 35 วัตต์

นอกจาก ยืดอายุใช้งานของแบตเตอรี่ให้นานขึ้นที่ถือเป็นหัวใจหลักของชิปเซนทริโนแล้ว ผลิตภัณฑ์ล่าสุดนี้ยังผนวกชิปการทำงานมาเป็นแพ็กเกจที่ประกอบด้วยตัวชิปเซต หน่วยประมวลผลด้านกราฟิก และโมดูลเชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้สาย

ขณะที่ บริษัท แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ฯ (เอเอ็มดี) ซึ่งเปิดตัวชิปรุ่นล่าสุดสำหรับโน้ตบุ๊กไปก่อนหน้าเมื่อต้นปี เน้นคุณสมบัติเด่นที่การประมวลผลด้านงานกราฟิก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเด่นของบริษัท เอทีไอที่เอเอ็มดีเพิ่งควบรวมเข้ามา ซึ่งเป้าหมายเอเอ็มดี อยู่ที่การพัฒนาให้ชิปรองรับการประมวลผลของเนื้อหา เช่น ภาพยนตร์ความละเอียดสูง เกม และระบบปฏิบัติการวิสต้า ที่เน้นด้านกราฟิกของไมโครซอฟท์โดยเฉพาะ

ต่างกับชิปเซนทริโน 2 ของอินเทล กลับชูคุณสมบัติเด่นในด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้สายไวแม็กซ์ ที่ครอบคลุมสัญญาณได้ทั่วทั้งเมือง และภายในปีนี้ อินเทลมีแผนว่าจะผนวกรวมเทคโนโลยีไวแม็กซ์ เข้ากับเทคโนโลยีไว-ไฟ ที่มีรัศมีครอบคลุมสัญญาณประมาณ 100 เมตรกับจุดฮอตสปอต สำหรับโมดูลด้านการสื่อสารของเครื่องซึ่งจะมีชื่อเรียกว่า เอคโค พีค

การพัฒนาชิปเซนทริโน 2 ยังเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ใหญ่ของอินเทลที่มุ่งพัฒนาชุดผลิตภัณฑ์รองรับเทคโนโลยีที่หลากหลายสำหรับการใช้งานกับอุปกรณ์นอกกลุ่มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะกลุ่มโทรศัพท์มือถืออีกด้วย เนื่องจากเทคโนโลยีไร้สายแบบใหม่นี้จะช่วยพัฒนาด้านความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล เอื้อต่อระบบงานในหลากหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น วิดีโอสตรีมมิ่ง และการดาวน์โหลดวิดีโอ ซึ่งไม่อาจเป็นไปได้เลยหากใช้เทคโนโลยีรุ่นเก่า

ด้านฟากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กรายใหญ่ในตลาด ก็มีแนวโน้มที่จะรับลูกผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดจากอินเทลเช่นกัน ทั้งฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลก เอเซอร์ และเลอโนโว ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เบอร์ 3 และ 4 ตามลำดับ ต่างมีแผนที่จะใช้ชิปเซนทริโน 2 สำหรับสินค้ารุ่นต่อไป ซึ่งคาดว่าหลายๆ ค่ายกำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบที่อาจมีมากถึง 250 รุ่น ที่จะผลิตออกมารองรับชิปรุ่นล่าสุดของอินเทล

การเติบโตของตลาดชิปประมวลผลสำหรับโน้ตบุ๊กยังเป็นคำตอบที่ว่าทำไมธุรกิจของอินเทลจึงยังขยายตัวต่อไปได้แม้จะประสบภาวะตลาดเดสก์ท็อปอิ่มตัวก็ตาม ซึ่งจากความเห็นของนักวิเคราะห์มองว่า รายได้อินเทลในไตรมาส 2 น่าจะเพิ่มขึ้นราว 16.8% โดยบริษัทน่าจะมีรายได้สุทธิที่ 1,490 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 25 เซ็นต์ต่อหุ้น และมียอดขายอยู่ที่ 9,320 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับรายได้สุทธิในช่วงปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 1,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 22 เซ็นต์ต่อหุ้น ขณะที่ มียอดขายอยู่ที่ 8,680 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ไม่มีความคิดเห็น: