วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข้อสอบเรื่อง Router (เราเตอร์)

ข้อสอบปรนัย
1. เราเตอร์มีหน้าที่อย่างไร
ก. เชื่อมโยงเครือข่าย
ข. รับ-ส่งสัญญาณ
ค. จัดเเบ่งเครือข่ายและเลือกเส้นทางที่เหมาะสม
ง. ถูกข้อ ข
2. เราเตอร์มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่ดีในการเชื่อมต่อเครือข่ายมีกี่คุณสมบัติ
ก.4 อย่าง
ข. 5 อย่าง
ค. 7 อย่าง
ง. 8 อย่าง
3. ADSL คืออะไร
ก.เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง
ข.เครือข่ายระยะไกล
ค.รับข้อมูล
ง.ส่งข้อมูล
4.ความเร็วของ ADSL ในการส่งข้อมูลสูงสุดที่ไร
ก.640 กิโลบิตต่อวินาที (Kbps.)
ข.650 กิโลบิตต่อวินาที (Kbps.)
ค.660 กิโลบิตต่อวินาที (Kbps.)
ง.670 กิโลบิตต่อวินาที (Kbps.)
5.เทคโนโลยี ADSL มีความเร็วในการรับข้อมูลสูงสุด กี่เม็กกะบิตต่อวินาที (Mbps)
ก. 2 เม็กกะบิตต่อวินาที (Mbps)
ข. 4 เม็กกะบิตต่อวินาที (Mbps)
ค. 6 เม็กกะบิตต่อวินาที (Mbps)
ง. 8 เม็กกะบิตต่อวินาที (Mbps)
6.หน้าที่หลักของ Router คือ
ก.การหาเส้นทางในการส่งผ่านข้อมูลที่ดีที่สุด
ข.กำหนด Network address
ค.รักษาความปลอดภัย
ง.แชร์ข้อมูล
7.อะไรเป็นอุปกรณ์เชื่อมโยงเครือข่ายสองเครือข่ายที่แยกจากกัน
ก. สวิตซ์
ข. เราเตอร์
ค. บริดจ์
ง. ไม่มีข้อถูก
8.ในอินเทอร์เน็ตมักเรียกเราเตอร์ว่าอะไร
ก. ไอพีเราเตอร์ (IP router)
ข. เราเตอร์ (Router)
ค. สวิตช์แพ็กเก็ต ข้อมูล (Data Switched Packet)
ง. สวิตช์ (Switch)
9.Router ทำงานอยูในบน Layer ใด
ก. Layer 3
ข. Layer 4
ค. Layer 5
ง. Layer 6
10.จาก Layer ดังกล่าวมีชื่อว่า
ก.Application-oriented Layers
ข.Network-dependent Layers
ค.Physical Layer
ง.Transport Layer


ข้อสอบอัตนัย
1.เราเตอร์ คืออะไร
ตอบ เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานในระดับชั้นเน็ตเวิร์กตามรูปข้างล่างนี้ เราเตอร์ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ในระดับเดทาลิงค์ได้หลายรูปแบบ
2.เราเตอร์มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่ดีในการเชื่อมต่อเครือข่ายอะไรบ้าง
ตอบ
1.ทำงานได้ทั้งแบบ รีพีตเตอร์ บริดจ์ และเกทเวย์
2.แบ่งแยกเครือข่ายขนาดใหญ่ให้เป็นเครือข่ายย่อย ( Sub-network )
3.สามารถควบคุมการบรอดคาสต์ระหว่างเซกเมนต์ ( Broadcast Storm control )
4.สร้างระบบรักษาความปลอดภัยได้หลายแบบ ( Network Security Firewall )
3.อุปกรณ์เราเตอร์ ทำหน้าที่อย่างไร
ตอบ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในแบบเราติง ซึ่งถ้ามองย้อนหลังไปในอดีตนั้น มีบทบาทมากในการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
4. อุปกรณ์ที่นิยมใช้ในการเชื่อมโยง คือ อะไร
ตอบ เราเตอร์
5. อะไรเป็นอุปกรณ์เชื่อมโยงเครือข่ายสองเครือข่ายที่แยกจากกัน
ตอบ บริดจ์
6. อุปกรณ์หลักในการเชื่อมโยงเครือข่าย คือ
ตอบ บริดจ์ เราเตอร์ และ สวิตซ์
7. เราเตอร์มีความสามารถใช้โปรโตคอลได้หลากหลาย สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คืออะไร
ตอบ ซอฟต์แวร์จัดการระบบเครือข่าย ( Network Operating System )
8. การป้องกันการกระจายสัญญาณ คืออะไร
ตอบ อุปกรณ์เราเตอร์ป้องกันการกระจายสัญญาณ ( Broadcast ) ข้ามเซกเมนต์ ซึงแตกต่างจากรีพีตเตอร์และบริดจ์
9. . การป้องกันการกระจายสัญญาณ คืออะไร
ตอบ อุปกรณ์เราเตอร์ป้องกันการกระจายสัญญาณ ( Broadcast ) ข้ามเซกเมนต์ ซึงแตกต่างจากรีพีตเตอร์และบริดจ์
10.Network-dependent Layers ทำหน้าที่อย่างไร
ตอบ เกี่ยวกับการรับส่งข้อมูลผ่านสายส่ง และควบคุมการรับส่งข้อมูล.ตรวจสอบข้อผิดพลาด รวมทั้งเลื่อกเส้นทางที่ใช้ในการรับส่ง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์เป็นหลัก

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข่าวเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

อินเทลปล่อยเซนทริโน 2 ลงตลาด + ดันยอดกลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก/ชูฟังก์ชันเด่นที่เทคโนโลยีไร้สายไวแม็กซ์
อินเทลได้ฤกษ์เปิดตัวชิปเซนทริโน 2 เวอร์ชันล่าสุดสำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ชูคุณสมบัติเด่นด้านการสื่อสารไร้สายเชื่อมต่อเทคโนโลยีไวแม็กซ์ควบไว-ไฟ ตีตื้นเอเอ็มดีคู่แข่งที่เผยชิปโน้ตบุ๊กออกมาก่อนหน้า ไอดีซี ประเมินตลาดโน้ตบุ๊กไม่เกินปีหน้าแซงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

นายชมูเอล เอเดน รองประธานและผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจแพลตฟอร์มไร้สายของบริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่นฯ เผยการทำตลาดชิปเวอร์ชันใหม่ในตระกูลเซนทริโน หรือเซนทริโน 2 ซึ่งมีโค้ดเนมเดิมว่ามอนเตวีนา หลังเลื่อนเปิดตัวมา 2-3 เดือน โดยชิปประมวลผลดังกล่าวผนวกการทำงานไว้หลายระบบเจาะตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก มีทางเลือกถึง 5 รุ่นพัฒนาบนพื้นฐานหน่วยประมวลผลแบบคอร์ทูดูโอ ที่มีความเร็วในการประมวลผลตั้งแต่ 2.26-3.06 กิกะเฮิรตซ์ ไม่เพียงคุณภาพการประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นแต่ยังขยายอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ต่อครั้งได้นานขึ้นด้วย

ตัวอย่างหน่วยประมวลผล 3 ใน 5 รุ่น ที่ใช้ไฟเพียง 25 วัตต์ เทียบกับหน่วยประมวลผลในรุ่นก่อนๆ ที่ใช้ไฟถึง 35 วัตต์

นอกจาก ยืดอายุใช้งานของแบตเตอรี่ให้นานขึ้นที่ถือเป็นหัวใจหลักของชิปเซนทริโนแล้ว ผลิตภัณฑ์ล่าสุดนี้ยังผนวกชิปการทำงานมาเป็นแพ็กเกจที่ประกอบด้วยตัวชิปเซต หน่วยประมวลผลด้านกราฟิก และโมดูลเชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้สาย

ขณะที่ บริษัท แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ฯ (เอเอ็มดี) ซึ่งเปิดตัวชิปรุ่นล่าสุดสำหรับโน้ตบุ๊กไปก่อนหน้าเมื่อต้นปี เน้นคุณสมบัติเด่นที่การประมวลผลด้านงานกราฟิก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเด่นของบริษัท เอทีไอที่เอเอ็มดีเพิ่งควบรวมเข้ามา ซึ่งเป้าหมายเอเอ็มดี อยู่ที่การพัฒนาให้ชิปรองรับการประมวลผลของเนื้อหา เช่น ภาพยนตร์ความละเอียดสูง เกม และระบบปฏิบัติการวิสต้า ที่เน้นด้านกราฟิกของไมโครซอฟท์โดยเฉพาะ

ต่างกับชิปเซนทริโน 2 ของอินเทล กลับชูคุณสมบัติเด่นในด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้สายไวแม็กซ์ ที่ครอบคลุมสัญญาณได้ทั่วทั้งเมือง และภายในปีนี้ อินเทลมีแผนว่าจะผนวกรวมเทคโนโลยีไวแม็กซ์ เข้ากับเทคโนโลยีไว-ไฟ ที่มีรัศมีครอบคลุมสัญญาณประมาณ 100 เมตรกับจุดฮอตสปอต สำหรับโมดูลด้านการสื่อสารของเครื่องซึ่งจะมีชื่อเรียกว่า เอคโค พีค

การพัฒนาชิปเซนทริโน 2 ยังเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ใหญ่ของอินเทลที่มุ่งพัฒนาชุดผลิตภัณฑ์รองรับเทคโนโลยีที่หลากหลายสำหรับการใช้งานกับอุปกรณ์นอกกลุ่มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะกลุ่มโทรศัพท์มือถืออีกด้วย เนื่องจากเทคโนโลยีไร้สายแบบใหม่นี้จะช่วยพัฒนาด้านความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล เอื้อต่อระบบงานในหลากหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น วิดีโอสตรีมมิ่ง และการดาวน์โหลดวิดีโอ ซึ่งไม่อาจเป็นไปได้เลยหากใช้เทคโนโลยีรุ่นเก่า

ด้านฟากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กรายใหญ่ในตลาด ก็มีแนวโน้มที่จะรับลูกผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดจากอินเทลเช่นกัน ทั้งฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลก เอเซอร์ และเลอโนโว ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เบอร์ 3 และ 4 ตามลำดับ ต่างมีแผนที่จะใช้ชิปเซนทริโน 2 สำหรับสินค้ารุ่นต่อไป ซึ่งคาดว่าหลายๆ ค่ายกำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบที่อาจมีมากถึง 250 รุ่น ที่จะผลิตออกมารองรับชิปรุ่นล่าสุดของอินเทล

การเติบโตของตลาดชิปประมวลผลสำหรับโน้ตบุ๊กยังเป็นคำตอบที่ว่าทำไมธุรกิจของอินเทลจึงยังขยายตัวต่อไปได้แม้จะประสบภาวะตลาดเดสก์ท็อปอิ่มตัวก็ตาม ซึ่งจากความเห็นของนักวิเคราะห์มองว่า รายได้อินเทลในไตรมาส 2 น่าจะเพิ่มขึ้นราว 16.8% โดยบริษัทน่าจะมีรายได้สุทธิที่ 1,490 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 25 เซ็นต์ต่อหุ้น และมียอดขายอยู่ที่ 9,320 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับรายได้สุทธิในช่วงปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 1,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 22 เซ็นต์ต่อหุ้น ขณะที่ มียอดขายอยู่ที่ 8,680 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

มาตรฐานการต่อสาย LAN

การเข้าสาย LAN
อุปกรณ์ที่ใช้สําหรับการเข้าหัวมีดังนี้
ก. คีมเข้าหัว
ข. คัตเตอร์, มีด, คีม
ค. เคเบิลแอนาไลเซอร์ (Cable Analyzer)

วิธีการทดลอง
1. ให้นศ. นําหัว RJ-45 ขึ้นมาแล้วเทียบตําแหน่งที่จะกําหนดใช้ต่อไปดังรูป


2. จับปลายด้านหนึ่งของสาย UTP แล้วใช้คัตเตอร์ปลอกสายพลาสติกที่หุ้มสายสัญญาณออก (ข้อแนะนํา ไม่ควรปลอกสายพลาสติกออกเกิน ฝ นิ้ว) ดังรูป
3. คลี่สายสัญญาณออกเป็นคู่ (จะได้สี่คู่) ดังรูป
4. จัดเรียงสายสัญญาณที่ได้ให้เรียงสี ตามมาตรฐานการเข้าหัวแบบ TIA/EIA 568B (ดูรูปมาตรฐานการ เข้าหัวประกอบ -- ดานบน)
5. นําสายสัญญาณที่จัดเรียงสีแล้วสอดเข้าในหั ว RJ-45 ตามตําแหน่งที่กําหนดไว้ (ดูรูปมาตรฐานการ เข้าหัวประกอบ – ด้านบน)




ข้อแนะนํา ควรสอดสายสัญญาณให้ลึกที่สุด เพื่อให้สายสัญญาณเข้าไปจนถึงส่วนหัวของหัว RJ-45 และควรให้ส่วนด้านท้ายมีพลาสติกติดเข้ามาในหัว RJ-45 ดังรูป



รูปนี้ใช้มาตรฐานแบบ TIA/EIA 568A
มุมมองจากด้านล่าง


6. นําหัว RJ-45 สอดเข้าในคีมเข้าหัว ดังรูป ก. และจุดที่คีมจะกดลงมาที่หัว RJ-45 จะเป็นดังรูป

ข. และกดที่ด้ามคีมเพื่อเข้าหัว



Straight-through Cable
สายสัญญาณแบบ Straight-through ถูกใช้ในลักษณะการเชื่อมต่อแบบ PC สู่ HUB, HUB สู่Router, HUB สู่ HUB (ผ่าน Uplink port) สายแบบ Straight-through จะมีตําแหน่งสีของสายสัญญาณที่ เหมือนกันทั้งสองานของเส้นสัญญาณ ดังรูป

มาตรฐาน TIA/EIA 568A และ 568B

การเข้าหัวสาย UTP นั้นมีอยู่สองมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้คือ TIA/EIA 568A และ 568B ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียงลำดับสายจะแสดงดังตารางและรูปด้านล่าง





สาย UTP และหัวเชื่อมต่อแบบ RJ-45
การทำสายแพทช์คอร์ดหรือสายที่เชื่อมระหว่างฮับกับคอมพิวเตอร์นั้น ปลายทางทั้งสองข้างจะต้องเข้าตามมาตรฐาน TIA/EIA 568B ส่วนสายครอสโอเวอร์หรือสายที่เชื่อมระหว่างฮับกับฮับหรือคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์นั้น ปลายสายด้านหนึ่งต้องเข้าแบบ TIA/EIA 568A ส่วนปลายสายอีกด้านหนึ่งต้องเข้าแบบ TIA/EIA 568B